E-business infrastructure
Internet technology
การกำหนดคำนิยาม(Definition)
- การกำหนดคำนิยามของคำว่า technology infrastructure นั้น ต้องคำนึงถึง โครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีที่มีผลต่อคุณภาพการบริการแก่ผู้ใช้งานของระบบทั้งในแง่ของ ความเร็ว(Speed) และ การตอบสนองต่อการร้องขอระบบ (responsiveness)
- การให้บริการ e - business ให้ผ่านมาตรฐานของโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีนั้นต้องกำหนดความสามารถขององค์กรในการแข่งขันทางธุรกิจผ่านการความแตกต่างให้กับตัวเองในตลาด
ความหมาย E-business infrastructure
หมายถึงการรวมกันของฮาร์ดแวร์เช่น Server, Client PC ในองค์กรรวมถึงการใช้เครือข่ายในการเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์เหล่านี้และการใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการส่งมอบบริการให้กับผู้ใช้งานที่อยู่ในบริษัทและยังรวมถึงคู่ค้าและลูกค้าของตน ซึ่งคำว่า Infrastructure ยังรวมไปถึงสถาปัตยกรรมทางด้าน Hardware , Software และ เครือข่าย ที่มีอยู่ในบริษัทด้วย และท้ายที่สุด ยังรวมไปถึง กระบวนการในการนำเข้าข้อมูลและเอกสารเข้าสู่ระบบ E-business ด้วย
Internet technology
Internet ช่วยให้การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องที่เชื่อมต่อทั่ว โลก แต่ในการถ่ายโอนข้อมูลนั้นไร้รอยต่อของวิธีการเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น การร้องขอข้อมูลจะถูกส่งจากคอมพิวเตอร์ไคลเอนต์และอปุ กรณ์มือถือที่มีผู้ใช้ร้องขอการบริการให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ที่เก็บข้อมูลโปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจและโฮสต์ที่ส่งมอบการบริการในการตอบสนองต่อการร้องขอ ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงเป็นระบบเขนาดใหญ่ในรูปแบบ Client/Server
Intranet applications
อินทราเน็ตถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อรองรับการขายในด้านธุรกิจ e - commerce โดยเน้นทำงานจากฝ่ายการตลาดเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกิจกรรมหลักของsupply-chain management
Extranet applications
- เอ็กซ์ทราเน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลโดยควบคุมจากภายนอกองค์กร สำหรับธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง
- การประยุกต์ใช้เอ็กซ์ทราเน็ตโปรแกรมนั้น ข้อมูลซอฟต์แวร์จะจำกัด การเข้าถึงของ บริษัท โดยแสดงข้อมูลภายในให้กับผู้ใช้ภายนอกเช่น ลูกค้าและซัพพลายเออ สามารถจำกัดการเข้าถึงข้อมูล และมักจะมีความสามารถในการสั่ง ซื้อสินค้าและบริการตรวจสอบสถานะการสั่งซื้อบริการลูกค้าร้องขอได้มากขึ้น
- เช่น www.ifrazone.com เหมาะกับธุรกิจแบบ B2B
Firewalls
Firewalls are necessary when creating an intranet or extranet to ensure that outside access to confidential information does not occur. Firewalls are usually created as software mounted on a separate server at the point where the company is connected to the Internet. Firewall software can then be configured to only accept links from trusted domains representing other offices in the company. A firewall has implications for e-marketing since staff accessing a web site from work may not be able to access some content such as graphics plug-ins. The use of firewalls within the infrastructure of a company is illustrated in Figure 3.6. It is evident that multiple firewalls are used to protect information on the company. The information made available to third parties over the Internet and extranet is partitioned by another firewall using what is referred to as the ‘demilitarized zone’ (DMZ). Corporate data on the intranet are then mounted on other servers inside the company.
Web technology
คำว่า World Wide Web, หรือเรียกสั้นๆว่า ‘web’ คือ ขั้นตอนมาตรฐานในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อมูลสาธารณะบนโลกอินเทอร์เน็ต โดยรูปแบบเอกสารพื้นฐานคือ HTML (Hypertext Markup
Language)
หรือ การบริการหนึ่งในรูปแบบต่างๆของการให้บริการของอินเตอร์เน็ต สำหรับผู้พัฒนาเว็บ หรือผู้ที่ต้องการเขียนโปรแกรมเพื่ติดต่อสื่อสารผ่านเว็บ หรือ อินเตอร์เน็ต แล้วจะต้องรู้และเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับ โปรโตคอล (Protocal) - มาตรฐานในการรับส่งข้อมูล
ความรู้เบื่องต้นการใช้งานอินเทอร์เน็ต
- โปรโตคอล เป็นเพียงข้อตกลงกันระหว่าง 2 ฝ่ายที่ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถสื่อสารกันได้อย่างถูกต้อง และราบรื่นมากที่สุด
- การใช้บริการเว็บจะทำงานภายใต้ โปรโตคอล HTTP
- โดยโปรโตคอลจะเป็นตัวกำหนดวิธีการส่งข้อมูลหรือไฟล์ ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็น Client และ Server รวมถึงการกำหนด กฏระเบียบในการติดต่อด้วย เราจะใช้โปรแกรมประเภท Browser เป็นตัวช่วยในการติดต่อสื่อสารได้ง่ายขึ้น
Web browsers and servers
เว็บเบราว์เซอร์ (web browser) เบราว์เซอร์ หรือ โปรแกรมดูเว็บ คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล (html) ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดย
โปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ
รายชื่อเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
- Google Chrome
- Opeara
- Mozilla Firefox
- Internet Explorer
ซอฟต์แวร์ หรือ โปรแกรมที่นำมาทำ เว็บเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด 4 อันดับแรก คือ
- Apache HTTP Server จาก Apache Software Foundation
- Internet Information Server (IIS) จากไมโครซอฟท์
- Sun Java System Web Server จากซัน ไมโครซิสเต็มส์
- Zeus Web Server จาก Zeus Technology
Internet-access software applications
Web 1.0 = Read Only, Static Data with simple markup
Web 1.0 ผ้เข้าชมสามารถอ่านได้อย่างเดียว ( Read-only ) เป็ นเทคโนโลยีที สามารถที
สามารถแก้ไขข้อมูล หน้าตาของเว็บไซต์ได้เฉพาะผ้ดูู
แลเว็บไซต์ ( Web master )เป็ นเว็บที ผู้เข้าเยี ยมชมไม่สามารถมีส่ วนร่วมกับเว็บดังกล่าวได้ ถือว่าเป็ นเว็บรjนแรกของเทคโนโลยีเว็บไซต์ส่วนมากจะใช้ภาษา html (Hyper Text Markup Language) เป็ นภาษา
สําหรับการพัฒนา Web 1.0 นั นเป็ นเรื องของการที ผ้ให้บริการนําเสนอข้อม ู ูลให้กับบุคคลทั วไป
โดยทําในลักษณะเดียวกับหนังสือทั วไป ที ผ้อ่านมีส่วนร่วมน้อยมากในการเติมแต่งข้อม ู ูล ต่อมาเริ มมี
การนําเอา Java Script และภาษา PHP (Hyper Text preprocessor)
มาใช้งาน
Web 2.0 คือ ผ้เข้าชมสามารถอ่านและเขียนได้
( Read-Write ) เป็ นเทคโนโเว็บไซต์ที พัฒนาต่อจาก web 1.0 เป็ นเทคโนโลยีเว็บไซต์ที สามารถโต้ตอบกับผ้ใช้งานได้ เช่น เว็บบอร์ด เว็บบล็อก วิพีเดีย เป็ นต้น ซึ งจะใช้ฐานข้อมู
ลมาเกี ยวข้อกับเทคโนโลยีนี ด้วย บุคคลทั วไปคือผ้สร้างเนื อหา และนําเสนอข้อม
ู ูลต่าง ๆ จาก Web 2.0 ในเปลือกนัท ทําให้เราเข้าใจว่าในยุคที 2 นั นเป็ นเรื องของการแบ่งปันความร้ซึ งกันและกันอย่างแท้จริง โดยการูสร้างเสริมข้อมูลสารสนเทศ ให้มีคุณค่าและมีข้อมูลที ถู
กต้องที สุด ดังตัวอย่างที เป็ นสิ งที ทุกคนคงร้จักกันดีอย่าง ู Wikipedia ทําให้ความร้ถู ูกต่อยอดไปอย่ตลอดเวลา ข้อมู ูลทุกอย่างได้มาจากการเติมแต่งอย่างไม่มีที สิ นสุด เกิดจากการคานอํานาจของข้อมู
ลของแต่ละบุคคลทําให้ข้อมูลนั นถูกต้องมากที สุด และจะถูกมากขึ นเมื อเรื องนั นถูกขัดเกลามาตามระยะเวลายาวนาน
Web 3.0 เป็ นการนําแนวคิดของ Web 2.0 มาทําให้ Web นั นสามารถจัดการข้อมูลจํานวนมากๆ ให้อยู่ในรูปแบบ Metadata ที หมายถึงข้อมูลที บอกรายละเอียดของข้อมูล (Data about data) ทําให้เว็บ
กลายเป็ น Semantic Web คือ ตัว Web จะทําหน้าที ประมวลผลข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น แล้ว
ให้ Tags ตามความเหมาะสมให้เราแทน โดยข้อมูลแต่ละ Tag จะมีความสัมพันธ์กับอีก Tag หนึ่งโดย
ปริยาย ทําให้อินเตอร์เน็ตกลายเป็ นฐานข้อมูล ความร้ขนาดใหญ่ ที ข้อมูลทุกอย่างถูกเชื อมต่อกันอย่างเป็ นระบบมากขึ น Web 3.0 จะพัฒนาไปในลักษณะ Segment of One คือ Segment ที มีบุคคลแค่คน
เดียว หรือ ตอบโจทย์ความเป็ นส่วนบุคคล เช่น อยากไปเที ยวภูเขาไฟฟูจิ เมื อค้นข้อมูลแล้วเว็บไซต์จะ
เชื อมโยงข้อมูลทั งหมดออกมา ไม่ว่าจะจากสายการบินต่างๆ แพ็กเกจไหนดีที สุด และนํามาเช็ค กับตารางของผ้ใช้ ว่าตารางเวลาตรงกันไหม หรือจะนําไปเช็คกับตารางของเพื่อนที่ญี่ปุ่นใน Social Network พื อนัดเวลาที ตรงกันเพื อพบปะทานข้าวร่วมกันก็ได้ ในยุคสื อดิจิตอล
เว็บ 3.0 ที ได้รับการพัฒนา จะประกอบด้วย
1. AI (Artificial Intelligence)
2. semantic web
3. Automated reasoning
4. semantic wiki
5. ontology language หรือ OWL
Blog
Blog มาจากคําเต็มว่า WeBlog บางครังอ่านว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log Blog คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื อหาเป็ นเรื)องใดก็ได้ซึ)งข้อมูลประกอบด้วยข้อความ, รูปและลิงค์การเพิมบทความให้กบั blog ที)มีอยู่ เรียกว่า “blogging” บทความใน blog เรียกว่า “posts” หรือ “entries” บุคคลที่โพสลงใน “entries”เรียกว่า “blogger”
Blog และวิถีของผู้คน
Blogger หลายคนสนับสนุนแนวคิดเรื)อง open source Blog ส่งผลกระทบต่อสังคมได้เช่นบาง Blog นั นลูกจ้างอาจจะก่อรําคาญใจต่อนายจ้างและทําให้บางคนถูกไล่ออกคนใช้Blog ในทางอื)นๆ เช่นส่งข้อความสู่สาธารณะ อาจจะมีปัญหาตามมาได้คือการไม่เคารพทรัพย์สินทางปัญญา หรือการให้ข่าวที)ไม่น่าเชื)อถือได้บางครั งการสร้างข่าวลือก็เอื อประโยชน์ต่อสื)อสารมวลชนที)สนใจเรื)องนั น ๆ ได้
Blog เป็ นการรวบรวมความคิดของมนุษย์สามารถนํามาใช้ช่วยกบปัญหาด้านจิตวิทยา , อาชญากรรม , ชนกลุ่มน้อย ฯลฯ Blog เป็ นช่องทางเผยแพร่งานพิมพ์อยางประหยัดและมีประสิทธิภาพ
Internet Forum
ทําหน้าที)คล้าย bulletin board และ newsgroup มีการรวบรวมข้อมูลทัวๆไป )เช่น เทคโนโลยี, เกม,
คอมพิวเตอร์, การเมือง ฯลฯ ผู้ใช้สามารถโพสหัวข้อลงไปในกระดานได้ผู้ใช้คนอื)นๆ กสามารถเลือกดูหัวข้อหรือแม้กระทั่ งโพสความคิดเห็นของตนเองลงไปได้
Wiki
Wiki อ่านอ
อกเสียง "wicky", "weekee" หรือ"veekee" สามารถสร้างและแกไขหน้าเว็บเพจขึ้ นมาใหม่ผ่านทางบราวเซอร์ โดยไม่ต้องสร้างเอกสาร html เหมือนแต่ก่อน Wiki เน้นการทําระบบสารานุกรม, HOWTOs ที)รวมองค์ความรู้หลายๆ แขนงเข้าไว้ด้วยกนโดยเฉพาะมีเครื)องมือที)ใช้ทํา Wiki หลายอยาง่ เช่น Wikipedia เป็นต้นWikipedia เป็ นระบบสารานุกรม(Encyclopedia) สาธารณะที)ทุกคนสามารถใส่ข้อมูลลงไปได้รองรับภาษามากกวาา 70 ภาษารวมทั งภาษาไทยมีการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์วิกิสําคัญยิงในการสร้างสารานุกรมที่เปิดโอกาสให้ใครก็ได้มาร่วมกนสร้างสารานุกรม http://www.wikipedia.org
อกเสียง "wicky", "weekee" หรือ"veekee" สามารถสร้างและแกไขหน้าเว็บเพจขึ้ นมาใหม่ผ่านทางบราวเซอร์ โดยไม่ต้องสร้างเอกสาร html เหมือนแต่ก่อน Wiki เน้นการทําระบบสารานุกรม, HOWTOs ที)รวมองค์ความรู้หลายๆ แขนงเข้าไว้ด้วยกนโดยเฉพาะมีเครื)องมือที)ใช้ทํา Wiki หลายอยาง่ เช่น Wikipedia เป็นต้นWikipedia เป็ นระบบสารานุกรม(Encyclopedia) สาธารณะที)ทุกคนสามารถใส่ข้อมูลลงไปได้รองรับภาษามากกวาา 70 ภาษารวมทั งภาษาไทยมีการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์วิกิสําคัญยิงในการสร้างสารานุกรมที่เปิดโอกาสให้ใครก็ได้มาร่วมกนสร้างสารานุกรม http://www.wikipedia.org
วิกิพีเดียในภาคภาษาไทยที่ http://th.wikipedia.org ในปัจจุบันวิกิพีเดียถือว่าเป็นแหลงความรู้ที่สําคัญ
Instant Messaging
เป็ นการอนุญาตให้มีการติดต่อสื)อสารระหวางบุคคลบนเครือข ่ ายที)เป็ นแบบ ่
relative privacy ตัวอยางเช่น Gtalk , Skype , Meetro , ICQ , Yahoo Messenger , MSN Messenger และ
Folksonomy
ก่อนหน้าการกาเนิดขึ้นของปัจเจกวิธาน โดยทัวไปแล้ว ) ได้มีการจัดกลุ่มการจัดระเบียบและค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตโดยทัวไปมี ) 3 แบบ คือ
1. ค้นหาในเนื อความ (Text Search)
ตัวอย่างเช่น Google ที่ก่อตังโดย Sergery Brin และ Larry Page ได้ออกแบบเพื อจัดอันดับความสําคัญของเว็บโดยคํานวณจากการนับ Link จากเว็บอื นที ชี มาที เว็บหนึ ง ๆเป็นที่น่าติดตามวาจะมีเทคนิควิธีในการค้นหาข้อมูลใหม่ๆ
2.เรียงเนือหาตามลําดับเวลา (Chronological)
เนื อหาข้อมูลจะถูกจัดเก็บเรียงลําดับเวลาโดยแสดงตามเวลาใหม่ล่าสุดก่อน เช่น เว็บไซต์ประเภทข่าวอยาง่ CNN, BBC และ google news เนือหาเก่าจะตกไปอยูด้านล่าง Blog ก็ใช้วิธีจัดเรียงตามเวลาเช่นักทั งนี้ หากต้องการอ่านเนื่ อหาเก่าก็สามารถคลิกดูที)ปฏิทินได้
3.แยกตามกลุ่มประเภท (Category, Classification)
การจัดระเบียบแบบนี ยึดเอาหัวข้อเป็ นหลักแล้วแยกประเภทออกไป เช่น แบ่งหนังสือเป็นประเภทธุรกิจ, หนังสือเด็ก, นวนิยาย, คอมพิวเตอร์, ศาสนา, วิทยาศาสตร์ฯลฯลักษณะอื่น ๆ จะช่วยให้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น
Networking Standards
ในส่วนนี จะกล่าวถึง Internet Standard เป็นขบวนการที) เกี่ยวข้องกับทุกๆ protocol & procedure และระเบียบแบบแผนต่างๆ ที)ใช้ในระบบอินเตอร์เน็ต ไม่จําเป็นว่ ามันจะเป็นส่วนหนึ) งของ TCP/IP protocol หรือไม่ในกรณีของหลายๆ protocol จะถูกพัฒนาและทําให้เป็นมาตราฐานด้วยองค์กรที) ไม่ใช่เป็นองค์กรของอินเตอร์เน็ต (non-Internet organizations) แต่อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว the Internet Standards Process ก็จะถูกทําให้เป็น application ของโปรโตคอลและ procedure ของ Internet context ไม่ใช่ว่าเพื่อระบุให้โปรโตคอลของมันเองTCP/IP
- ข้อตกลงในการควบคุมการรับส่งข้อมูล และ internet หรือ protocol ของระบบ internet TransmissionControlProtocol/InternetProtocol
- โปรโตคอล TCP/IP เป็นชื)อเรียกของชุดโปรโตคอลที)สําคัญ มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายตามการขยายตัวของอินเตอร์เน็ต/อินทราเน็ต ความจริงแล้วโปรโตคอลTCP/IP เป็นกลุ่มของโปรโตคอลหลายตัวที่ประกอบกันเป็นชุดให้ใช้งาน โดยมีคําเต็มว่า Transmission Control Protocol/Internet Protocol ซึ่งจากชื่อเต็มทําให้ เราเห็นว่าอย่างน้อยก็มีโปรโตคอลประกอบกั นทํางานร่วมกั น 2 โปรโตคอลคือ TCPและ IP
- โปรโตคอลที)มีบทบาทสําคัญในการทํางานในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต คือ Internet Protocol (โปรโตคอล IP) เนื่องจาก เมื่อโปรโตคอลอื่น ๆ ต้องการส่งผ่ านข้อมูลข้ามเครือข่ายในอินเตอร์เน็ตนั้ น จะต้องอาศัยการผนึกข้อมูล (encapsulation) ไปกั บโปรโตคอล IP ที)มีกลไกการระบุเส้นทาง(route service) ผ่ าน Gatewayหรือ Routerเนื่องจากกลไกการระบุเส้นทาง จะทํางานที่โปรโตคอล IPเท่านั น และด้วยเหตุนี เราจึงเรียก IP ว่ าเป็นโปรโตคอลที่มีความสามารุระบุเส้นทางการส่งผ่ านของข้อมูลได้ (routable)
The HTTP protocol
- HTTPมาจากคําว่ า HypertextTransferProtocolซึ) งเป็น protocolที)ใช้ในการส่งเดต้าต่าง ๆ ในโลกของ World Wide Web. เดต้าต่าง ๆ เหล่านี โดยทั่วไปมักจะถูกเรียกว่า Resource โดย Resource เหล่านี้ อาจจะเป็นไฟล์ เช่น HTMLไฟล์, imageไฟล์ หรือคําสั่งต่าง ๆ (QueryString)
- HTTP เป็น network protocol ที)ใช้หลักการของ client-server model ในการติดต่อสื่อสารซึ่งหลักการทํางานอย่ างคร่าว ๆ มีดังนี้
1. HTTP Client จะทําการสร้างคอนเนคชั) นไปหา HTTP Server ซึ) งโดยทั) วไปจะผ่ านทาง socket ของ TCP/IP
Uniform resource locators (URLs)
คือตัวระบุแหล่งทรัพยากรสากล (URI) ประเภทหนึ่ง ซึ่งใช้สําหรับระบุแหล่งที่อยู่ ของทรัพยากรย์ต้องการ และมีกลไกบางอย่างสําหรับดึงข้อมูลทรัพยากรนั้นมา ในการใช้ในเอกสารทางเทคนิคและการอภิปรายทั่วไป มักจะใช้ยูอาร์แอลแทนความหมายที่คล้ายกั บยูอาร์ไอ ซึ่งไม่ใช่ความหมายที่ถูกต้องและอาจทําให้เกิดความสับสน ในภาษาพูดทั่วไป ยูอาร์แอลอาจหมายถึง ที อยู่บนเว็บ หรือ ที อยู่อินเทอร์เน็ต ก็ได้ ซึ่งปกติแล้วเรามักพิมพ์ยูอาร์แอลในแถบที่อยู่ ของเว็บเบราว์เซอร์เพื่อเรียกข้อมูลจากเว็บไซต
Domain names
คือ ชื่อเว็บไซต์ (www.yourdomain.com)ที)สามารถเป็นเจ้าของ ซึ่งจะต้องไม่ซํ ากับคนอื่น เพื่อการเรียกหาเว็บไซต์ที่ต้องการ “ชื่อเว็บไซต์” คือ สิ่งแรกที่แสดง หรือ ประกาศความมีตัวตนบนอินเตอร์เน็ตให้คนทั่วไปได้รู้จัก สามารถมีได้ชื่อเดียวในโลกเท่านั้ น เช่น www.gict.co.th เมื่อผู้ใช้กรอกชื่อลงไปในช่อง Address ของ Internet Explorer ก็จะส่งชื่อไปร้องถามจากเครื่องแปลชื่อโดเมน (Domain Name Server) และได้รับกลับมาเป็นไอพีแอดเดรส (Internet Protocol) แล้วส่งคําร้องไปให้กับเครื่องปลายทางตามไอพีแอดเดรส และได้ข้อมูลกลับมาตามรูปแบบที่ร้องขอไป
ข้อควรรู้ก่อนจดโดเมน
- ความยาวของชื่อ Domainตั งได้ไม่เกิน 63 ตัวอักษร
- Domainต้องจดในชื่อของเราเท่านั น DomainOwnership
- ถ้าเป็น Domainของบริษัท พยายามจดภายใต้ชื่อบริษัท อย่าจดด้วยชื่อพนักงาน IT
- ข้อมูลที่สําคัญทีสุดของ Domainคือ Owner Detail
- ใช้อีเมล์ที่จะอยู่ กับเราตลอดไปในการจดโดเมน ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ใช้ติดต่อกับเราเรียกว่า Registrant E-mail
- บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ Domainของเราไว้ให้ดี วันหมดอายุ ผู้ติดต่อ และอื่น ๆ








ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น